Publish Date: 12/09/2023
จากข้อมูลของ LGBT Capital และ Ipsos พบว่า ในปี 2566 ประเทศไทยคาดว่าจะมีจำนวนประชากร LGBTQ+ ประมาณ 5.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2559 ที่มีจำนวนเพียง 4.2 ล้านคน ปัจจุบันสังคมไทยมีการยอมรับและเปิดกว้างต่อความหลากหลายทางเพศมากขึ้น โดยในส่วนของภาครัฐมีการผลักดันกฎหมายส่งเสริมสิทธิของกลุ่ม LGBTQ+ อาทิ ร่างพระราชบัญญัติคู่ชีวิต พ.ศ....และการยกร่างแก้ไขพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่..) พ.ศ....(สมรสเท่าเทียม) สถานศึกษาอนุญาตให้นักศึกษาและบัณฑิตสามารถแต่งกายตามเพศวิถีของตนได้ ขณะเดียวกันภาคเอกชน บางบริษัทเริ่มมีนโยบายส่งเสริมการเข้าถึงสิทธิของ LGBTQ+ อาทิ สวัสดิการด้านสุขภาพไปยังคู่ชีวิตโดยไม่จำกัดเพศ รวมถึงการขยายตัวของภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์ซีรีส์วายซึ่งมีจำนวนผู้ชมผ่าน LINE TV มากถึง 18.9 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากกว่า 3 เท่าตัว
ในทางกลับกันสังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงพบปัญหาการเลือกปฏิบัติในสัดส่วนที่ค่อนข้างสูง จากรายงานการศึกษาของ World bank ในปี 2561 พบว่า ร้อยละ 90.63 ของกลุ่มตัวอย่าง ประสบปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติ ซึ่งพบได้ตั้งแต่ในระดับครอบครัว จากรายงานโครงการสหประชาชาติ (UNDP) ในปี 2562 พบว่า ร้อยละ 47.5 เคยถูกคนในครอบครัวสั่งห้ามไม่ให้แสดงออกทางเพศ เช่น การประพฤติตัว การพูด หรือการแต่งกายขณะที่ ระดับวัยเรียน และวัยศึกษา จากรายงาน Economic Inclusion of LGBTI Groups in Thailand ของธนาคารโลก พบว่า เยาวชน LGBT+ ร้อยละ 8.83 เคยถูกเลือกปฏิบัติในการคัดเลือกเข้าเรียนหรือแนะนำการศึกษาต่อในบางสาขาที่สนใจ จนกระทั่งเข้าสู่ระดับวัยทำงาน พบว่าร้อยละ 25.44 ถูกปฏิเสธการรับเข้าทำงานตั้งแต่ขั้นตอนสมัครคัดเลือก รวมถึงด้านการใช้ชีวิตในแง่มุมต่าง ๆ รวมทั้งการใช้ชีวิตพบว่าขาดกฎหมายรองรับ ทำให้ไม่สามรถเข้าถึงบริการ และสวัสดิการที่เท่าเทียมกับเพศอื่น ทั้งนี้ การเลือกปฏิบัติส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่ม LGBTQ+ หลายด้าน โดยเฉพาะทางด้านอารมณ์และจิตใจ จากผลการสำรวจของคิด for คิดส์ : ศูนย์ความรู้นโยบายเด็กและครอบครัว ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในปี 2565 พบว่า กลุ่มเยาวชน LGBTQ+ ที่ถูกเลือกปฏิบัติร้อยละ 50.5 มีความเครียดสูง และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพจิตในเด็กและเยาวชนภายหลัง สอดคล้องกับรายงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) ในปี 2562 ที่พบว่า ร้อยละ 48.5 กลุ่ม LGBTQ+ วัยแรงงาน มีปัญหาทางด้านอารมณ์ จากความเครียดที่ต้องพยายามปิดบังการแสดงออกทางเพศ เพื่อหลีกเลี่ยงอคติทางเพศซ้ำ ๆ จากประสบการณ์เคยถูกปฏิเสธเข้าทำงานหรือเลื่อนตำแหน่ง
ดังนั้น สังคมจำเป็นต้องสร้างการยอมรับและการสนับสนุน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ 1) ครอบครัว การรับฟัง การพูดคุยด้วยทัศนคติที่ดี จะช่วยทำให้เกิดความเข้าใจต่อลูกหรือสมาชิกคนในครอบครัวที่เป็น LGBTQ+ อย่างถูกต้อง พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาโดยปราศจากอคติทางเพศ 2) สถานศึกษาหรือโรงเรียน จำเป็นต้องให้ความรู้เกี่ยวกับด้านสิทธิความเท่าเทียมทางเพศ แก่นักเรียน นักศึกษา ครู หรือบุคลากรในสถานศึกษา พัฒนาปรับปรุงเนื้อหาการเรียนการสอนให้คำนึงถึงมิติความหลากหลายเพศ 3) สถานที่ทำงาน พัฒนานโยบายที่เน้นป้องกันการถูกเลือกปฏิบัติ การคุกคามทางเพศในที่ทำงาน และสามารถเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมและสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี 4) กฎหมาย เร่งรัดการออกกฎหมายเพื่อให้กลุ่ม LGBTQ+ ได้รับสิทธิต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกับเพศอื่น อาทิ การรับบุตรบุญธรรม การจัดการทรัพย์สินร่วม และการเข้าถึงสวัสดิการของอีกฝ่ายในฐานะคู่สมรส รวมทั้งส่งเสริมความรู้ด้านสิทธิความเท่าเทียมทางเพศแก่ประชาชนทุกกลุ่ม และ 5) การสร้างความตระหนักรู้ทางสังคม เน้นสร้างการมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมทางสังคม โดยการสร้างพื้นที่สาธารณะในการแบ่งปันความรู้และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นร่วมกันได้แบบเปิดเผย