Publish Date: 09/06/2025
การให้บริการคอนเทนต์ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (Over the Top : OTT) เป็นบริการที่เข้ามามีบทบาททดแทนการรับชมคอนเทนต์ดั้งเดิมจากสื่อโทรทัศน์ เนื่องจากสามารถตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ในปี 2567 มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 821.3 ล้านดอลลาร์ฯ และอาจเพิ่มเป็น 1,059.0 ล้านดอลลาร์ฯ ในปี 2571 อีกทั้งยังส่งผลดีต่อเป้าหมายของประเทศที่จะส่งเสริมธุรกิจคอนเทนต์/ดิจิทัลคอนเทนต์ไปตลาดต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การที่ไทยยังขาดการควบคุมดูแลบริการ OTT ที่ชัดเจน ส่งผลไทยตกอยู่ในสภาวะสุญญากาศทั้งนิยามและสถานะทางกฎหมาย และนำมาซึ่งปัญหา โดยเฉพาะในกลุ่มบริการสตรีมมิ่ง คือ 1) ผู้บริโภคเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม/อันตรายได้ง่าย โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กและเยาวชน จากรายงาน Digital 2023 Global Overview Report พบว่า ร้อยละ 54 ของเด็กและเยาวชนเคยพบเห็นสื่อลามกอนาจารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งมาจาก แต่ละแพลตฟอร์ม OTT มีการกำหนดมาตรฐานในด้านระดับความเหมาะสมของเนื้อหาและการแสดงคำเตือนที่แตกต่างกัน จึงอาจสร้างความสับสนในการรับรู้และความเสี่ยงต่อการเข้าถึงเนื้อหาไม่เหมาะสม 2) การละเมิดเนื้อหาลิขสิทธิ์ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแฟลตฟอร์มที่อนุญาตให้ผู้ใช้งานสร้างเนื้อหาและเผยแพร่ต่อได้เอง ส่งผลให้การละเมิดลิขสิทธิ์ในอุตสาหกรรมสื่อภาพยนตร์/สื่อบันเทิงของไทยเพิ่มขึ้นและอาจสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึง 10,000 ล้านบาท/ปี และ 3) ผู้ประกอบการ OTT สามารถอาศัยช่องว่างของกฎหมายเอาเปรียบผู้บริโภค อาทิ การนำเอารายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม โดยมีการหารายได้เพิ่มเติมจากการแทรกโฆษณาในบริการ
ที่มา : Statista
ขณะที่ในหลายประเทศมีการแก้ปัญหาด้วยการกำหนดแนวทางการกำกับดูแล ตลอดจนมาตรการส่งเสริม ดังนี้ 1) การออกกฎหมายกำกับดูแลบริการ OTT เป็นการเฉพาะ อาทิ สิงคโปร์ มีกฎหมาย Broadcasting Act 1994 กำหนดให้บริการ OTT เป็นบริการแพร่ภาพกระจายเสียงแบบออนดีมานด์และถ่ายทอดสด ซึ่งกำกับดูแลผู้ให้บริการในประเทศทั้งหมด 2) ประเทศส่วนใหญ่เน้นดึงผู้ให้บริการ OTT เข้าสู่ระบบเพื่อกำกับดูแล โดยการนำ OTT เข้าสู่ระบบ สามารถดำเนินการได้ 2 รูปแบบ คือ (1) ระบบแจ้งประกอบกิจการ อาทิ ประเทศอังกฤษ เดนมาร์ก และเกาหลีใต้ และ (2) ระบบใบอนุญาต อาทิ ประเทศสิงคโปร์ และมาเลเซีย 3) การกำกับเนื้อหา การโฆษณา และการคุ้มครองลิขสิทธิ์ โดยในด้านเนื้อหา/การโฆษณา สหภาพยุโรป มีกฎหมาย AVMSD เพื่อกำกับดูแลในด้านเนื้อหาและการโฆษณาเป็นหลัก อาทิ กลุ่มคอนเทนต์/โฆษณาอันตรายที่ส่งผลกระทบต่อสังคม ส่วนในด้านการคุ้มครองลิขสิทธิ์ โดยอังกฤษ กำหนดให้การนำเนื้อหาจากสถานีโทรทัศน์มาเผยแพร่บนแพลตฟอร์ม OTT พร้อมกับเพิ่มโฆษณาสามารถทำได้หากมีการตกลงกับเจ้าของลิขสิทธิ์ ขณะที่สิงคโปร์ มีการปรับปรุงกฎหมายลิขสิทธิ์ให้ครอบคลุมบริการ OTT และบังคับใช้อย่างเข้มงวด และ 4) การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตและส่งออกคอนเทนต์ อาทิ สหภาพยุโรป กำหนดให้แพลตฟอร์ม OTT ต้องมีเนื้อหาที่ผลิตในสหภาพยุโรปไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ขณะที่ เกาหลีใต้ มีการจัดตั้งคณะกรรมการส่งออกเนื้อหา OTT โดยเฉพาะ อีกทั้งยังมีมาตรการสนับสนุน Local Content และการลดต้นทุนการผลิตเนื้อหาผ่านระบบการผ่อนปรนภาษี
ตัวอย่างการกำกับดูแลเนื้อหาและการโฆษณาในบริการ OTT ของสหภาพยุโรป
ที่มา : สืบค้นและเรียบเรียง โดยกองพัฒนาข้อมูลและตัวชี้วัดสังคม สศช.
จากตัวอย่างการดำเนินการกำกับดูแลและส่งเสริมบริการ OTT ของต่างประเทศ ไทยอาจนำมาปรับใช้โดยมีการดำเนินการ ได้แก่ 1) การเร่งรัดให้มีแนวทางในการกำกับดูแลบริการ OTT ให้ชัดเจน ตั้งแต่การกำหนดคำนิยาม ขอบเขต หน่วยงานที่รับผิดชอบ และรูปแบบการกำกับดูแล 2) การกำหนดเงื่อนไขการกำกับดูแลด้านเนื้อหาและการให้บริการให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการต่างประเทศ และ 3) การเตรียมความพร้อมของหน่วยงานผู้รับผิดชอบ อาทิ สำนักงาน กสทช. สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ทั้งในมิติด้านอำนาจหน้าที่ งบประมาณ บุคลากร และเทคโนโลยี ควบคู่กับการบูรณาการความร่วมมือ เพื่อให้สามารถดำเนินการกำกับและส่งเสริมดิจิทัลคอนเทนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน