Publish Date: 27/05/2024
แซนด์วิช เจเนอเรชั่น มักใช้เรียกคนที่อยู่ตรงกลางที่ต้องรับผิดชอบดูแลทั้งพ่อแม่สูงอายุและลูกของตนเอง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากประชากรสูงวัยทั่วโลกที่เพิ่มขึ้น ขณะที่วัยแรงงานมีจำนวนลดลงหรือเท่าเดิม ทำให้ประชากรของหลายประเทศกลายเป็นคน Sandwich Generation สำหรับประเทศไทย การศึกษาถึงคนกลุ่มนี้ในปัจจุบันยังมีไม่มากนักและไม่ครอบคลุมทั้งประเทศ เนื่องจากข้อจำกัดของข้อมูล แต่หากพิจารณาตามนิยามของครัวเรือน ครัวเรือนขยายที่ประกอบด้วยสมาชิก 3 รุ่นขึ้นไป อาจมีความใกล้เคียงกับครัวเรือน Sandwich ซึ่งจากข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจและสังคมของครัวเรือน ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบลักษณะที่น่าสนใจของครัวเรือนดังกล่าว คือ 1) ครัวเรือนไทยที่มีลักษณะเป็น Sandwich มีจำนวนทั้งสิ้น 3.4 ล้านครัวเรือน ในปี 2566 หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.0 ของครัวเรือนทั้งหมด ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2560 อีกทั้ง ครัวเรือน Sandwichส่วนใหญ่เป็นครัวเรือน 3 รุ่น และส่วนใหญ่เป็นครัวเรือนที่หัวหน้าครัวเรือนอาศัยอยู่กับลูกและหลาน โดยมีสัดส่วนมากถึงร้อยละ 75.4 ของครัวเรือน Sandwich ทั้งหมด 2) ครัวเรือน Sandwich แม้สมาชิกส่วนใหญ่จะเป็นวัยแรงงาน แต่มีอัตราการพึ่งพิงสูง เนื่องจากวัยสูงอายุมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น ขณะที่วัยแรงงานมีสัดส่วนลดลง ส่งผลให้อัตราการพึ่งพิงสูงของครัวเรือน Sandwich สูงกว่าครัวเรือนประเภทอื่น ขณะเดียวกันหัวหน้าครัวเรือนของครัวเรือน Sandwich ร้อยละ 48.6 ยังเป็นผู้สูงอายุ 3) สมาชิกในครัวเรือน Sandwich ส่วนใหญ่เป็นแรงงานนอกระบบ โดยร้อยละ 47.2 ประกอบอาชีพเกษตรกรรมและเป็นแรงงานทั่วไป ขณะที่หัวหน้าครัวเรือนร้อยละ 31.9 ทำงานส่วนตัว ทำให้กว่าร้อยละ 80 ขาดหลักประกันรายได้ที่มั่นคงในยามเกษียณ อีกทั้ง ครัวเรือน Sandwich ยังเป็นกลุ่มที่มีทรัพย์สินทางการเงินเพื่อการออมน้อย และ 4) ครัวเรือน Sandwich มีสัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้เพื่อการอุปโภคบริโภคสูงกว่าคนกลุ่มอื่น และแรงงานในครัวเรือน Sandwichมีรายได้ไม่สูงนัก ส่วนหนึ่งเกิดจากส่วนใหญ่มีระดับการศึกษาต่ำ
สถานการณ์ข้างต้น แม้ว่าแนวโน้มครัวเรือน Sandwich จะลดลง แต่คนที่เป็น Sandwich Generation ยังมีภาระที่ต้องแบกรับที่สำคัญ คือ 1) ความเปราะบางทางการเงิน โดยร้อยละ 49.1 ของครัวเรือน Sandwich มีรายได้สุทธิคงเหลือน้อยกว่าร้อยละ 10 รวมถึงครัวเรือน Sandwich ร้อยละ 69.8 ยังมีภาระหนี้สิน อีกทั้งภาระหนี้สินต่อรายได้ต่อเดือนของครัวเรือนยังสูงกว่าภาพรวมครัวเรือนทั้งประเทศ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสามารถทางการเงินในระยะยาว รวมถึงการสะสมทรัพยากรและความมั่งคั่งที่อาจไม่สามารถทำได้อย่างที่ควร และ 2) ผลกระทบต่อสุขภาพ กลุ่มคน Sandwich มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเรื้อรัง และมีสัดส่วนการเป็นหรือเคยเป็นโรค NCDs สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหัวหน้าครัวเรือนทั้งประเทศ นอกจากนี้ ยังประสบปัญหาความเครียดและปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการต้องจัดสรรเวลาการทำงานและดูแลสมาชิกในครัวเรือนไปพร้อมกัน
จากปัญหาและภาระที่คน Sandwich Generation ต้องเผชิญค่อนข้างหนักเมื่อเทียบกับคนกลุ่มอื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อตนเองและอาจต่อสังคมภาพรวมได้ จึงต้องมีแนวทางในการลดภาระที่จะเกิดขึ้นกับครัวเรือน Sandwich คือ 1) การส่งเสริมทักษะทางการเงิน ตั้งแต่ก่อนวัยเกษียณ ทั้งการมีทักษะความรู้และการบริหารจัดการทางการเงิน รวมถึงการป้องกันความเสี่ยง 2) การส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีงานทำ สำหรับผู้สูงอายุที่ต้องการทำงาน อาทิ การส่งเสริมการฝึกอบรมทักษะแรงงานผู้สูงอายุร่วมกับการจับคู่งานเชิงรุก การเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อการประกอบอาชีพ 3) การใช้บริการผู้ช่วยดูแล (Care Assistant) และเทคโนโลยีในการดูแลสมาชิกในครัวเรือน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวก ลดความกังวลและภาระการดูแล อีกทั้ง ช่วยสร้างสมดุลระหว่างชีวิตครอบครัวและการทำงานให้กับแรงงาน และ 4) การสนับสนุนศูนย์ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ โดยการปรับปรุงศูนย์พัฒนาเด็กและศูนย์บริการผู้สูงอายุของภาครัฐ หรือการสนับสนุนภาคธุรกิจให้ดำเนินกิจการ โดยอาจให้สิทธิประโยชน์ทางด้านกฎหมาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดขยายตัวของธุรกิจรับดูแลในพื้นที่เดียวกัน