Publish Date: 04/03/2024
ปีงบประมาณ 2566 เด็กและเยาวชนก่อคดีเกี่ยวกับชีวิตและร่างกายเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2562 ถึงร้อยละ 58.7 ประกอบกับมีการใช้อาวุธเพิ่มขึ้นกว่ากว่าร้อยละ 92.1 ซึ่งผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ยังเป็นนักเรียนที่อยู่ในระดับชั้นมัธยมศึกษา โดยร้อยละ 80 เป็นเยาวชนที่มีอายุ 15 – 17 ปี และร้อยละ 20 เป็นเด็กอายุ 11 – 14 ปี และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายกรณีนำไปสู่ความสูญเสียที่กระทบสังคมในวงกว้าง โดยสาเหตุ/ปัจจัยที่เด็กและเยาวชนก่อความรุนแรง สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ปัจจัย คือ 1) ปัญหาความเปราะบางของสถาบันครอบครัวทั้งที่มาจากการการไม่ได้อยู่กับพ่อแม่และการได้รับการอบรมเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม โดยเฉพาะการลงโทษ/สั่งสอนโดยใช้ความรุนแรง ที่ทำให้เกิดบาดแผลทางจิตใจ 2) ปัญหาสังคมเพื่อนที่ไม่ดี ทั้งจากการต้องการการยอมรับและเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อนที่ไม่ดีและการถูกบูลลี่ ซึ่งผลกระทบจากการถูกบูลลี่ส่วนหนึ่งทำให้อยากเอาคืนมากถึงร้อยละ 42.9 3) การอยู่อาศัยในแหล่งชุมชนที่มีปัญหา โดยเฉพาะแหล่งที่มีการซื้อขายยาเสพติด แหล่งที่มีการรวมตัวมั่วสุม แหล่งที่มีการทะเลาะวิวาทส่งเสียงดังเป็นประจำ 4) ปัญหาการเข้าถึงแหล่งข้อมูลที่ไม่เหมาะสมได้ง่าย อาทิ กลุ่มสังคมออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย เกมที่มีเนื้อหารุนแรง เนื่องจากเด็กยังไม่สามารถคัดกรองและเลือกรับสื่อได้เท่าที่ควร จึงอาจทำให้เด็กซึมซับความรุนแรงไปโดยที่ไม่รู้ตัวและเกิดพฤติกรรมเลียนแบบตามมาได้ และ 5) ปัญหาทางจิตเวช หรือการใช้ยาเสพติด โดยพฤติกรรมความรุนแรงบางประเภทมีสาเหตุมาจากอาการทางจิตเวชได้ อาทิ โรคบุคลิกภาพแปรปรวน โรคพฤติกรรมเกเร โรคไซโคพาธ ซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกต้องและต่อเนื่องอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมรุนแรงมากขึ้นได้ โดยสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เป็นโรคจิตเวช คือ การใช้ยาเสพติด
ที่มา : กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
จากปัจจัยดังกล่าวนี้ การแก้ปัญหาทุกคนต้องร่วมกันป้องกัน มีประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ ดังนี้ 1) ความเข้มแข็งของสถาบันทางสังคม โดยเฉพาะใน (1) สถาบันครอบครัว ด้วยการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว และการอบรมสั่งสอนด้วยเหตุผลแทนการใช้ความรุนแรง (2) สถาบันการศึกษา โดยบุคลากรครูต้องใส่ใจและสอดส่องปัญหาการใช้ความรุนแรงของเด็กให้มากขึ้น อาทิ การสอดแทรกกระบวนการยับยั้งชั่งใจ การรู้เท่าทันตนเอง และการควบคุมอารมณ์ ในวิชาเรียน และ (3) ชุมชน โดยบูรณาการความร่วมมือระหว่างชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสร้างชุมชนปลอดภัย 2) ความครอบคลุมและต่อเนื่องในการคัดกรองสุขภาพจิตในเด็กและเยาวชน เพื่อที่ทำให้ได้รับการประเมินสุขภาพจิต ตลอดจนการดูแลและส่งต่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที และ 3) การเสริมทักษะการรู้เท่าทันสื่อให้กับเด็กและเยาวชน รวมถึงการสร้างความตระหนักให้กับผู้ปกครองและสังคมในการเฝ้าระวังสื่อที่มีผลกระทบต่อเด็ก ตลอดจนผู้ผลิตสื่อจำเป็นต้องให้ความรู้ รวมทั้งร่วมเฝ้าระวังสื่อที่ไม่เหมาะสมบนโลกออนไลน์ไม่ให้ถูกผลิตซ้ำ